คุณสมบัติและประโยชน์ของแร่เพอร์ไลต์

ประโยชน์ของแร่เพอร์ไลต์ มีการใช้เพอร์ไลต์ผสมลงไปในดิน เพราะเพอร์ไลต์มีคุณสมบัติ เป็นตัวดูดซึมที่ดี และมีความพรุนในตัวสูง ทำให้สภาพเป็นดินร่วนและเพอร์ไลต์ยังสามารถช่วยรักษาสมดุล ระหว่างปริมาณของน้ำ และอากาศในดินได้ด้วย

 

  1. ความพรุนของเพอร์ไลต์มีมากกว่าดินเหนียวถึง 5 เท่า ทำให้มีปริมาณของก๊าซออกซิเจนในดินเพียงพอ ต่อความต้องการของพืช
  2. สามารถกักเก็บความชื้นไว้ได้ดีกว่าดินทรายถึง 45 เท่า ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ดินแห้งจนเกินไป
  3. ทำให้รักษาความสมดุล ระหว่างปริมาณน้ำ และอากาศในดิน และทำให้ดินรักษาสภาพ ไม่ชื้นหรือแห้งจนเกินไป ทำให้ดินมีความยุ่ย ไม่จับตัวกันแข็ง
  4. คุณสมบัติความเป็นฉนวน จะช่วยรักษาอุณหภูมิของดินไม่ให้เปลี่ยนแปลงมาก ช่วยรากพืช ในการดูดซึมอาหาร
  5. เนื่องจากมีสภาพเป็นกลาง มีความคงทนต่อปฎิกิริยาทางเคมี สามารถผสมเพอร์ไลต์ กับปุ๋ยเคมีทุกชนิดได้
  6. เพอร์ไลต์จัดเป็นสารอนินทรีย์ เมื่อผสมลงในดิน จะมีความคงทนและไม่บุสลายจาก จุลินทรีย์

 

เพอร์ไลต์ คืออะไร (Perlite)
เพอร์ไลต์ เป็นหินภูเขาไฟที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เกิดขึ้นจากลาวาที่มีการเย็นตัวอย่างรวดเร็ว (Volcanic glass) และกลายเป็นหินออบซิเดียน (Obsidian) ซึ่งเมื่อน้ำทำปฏิกิริยากับหินออบซิเดียนเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดเพอร์ไลต์ขึ้น ตามธรรมชาติแล้ว เพอร์ไลต์จะมีสีดำหรือสีเทาและมีรูปร่างที่ไม่แน่นอน

 

ส่วนประกอบของเพอร์ไลต์มีอะไรบ้าง
เพอร์ไลต์คือหินภูเขาไฟ ค่อนข้างมีน้ำหนักและมีความหนาแน่น ในเพอร์ไลต์มีส่วนประกอบของแร่ธาตุหลายชนิด เช่น
– ซิลิกอนไดออกไซด์ หรือ ซิลิกา (Silicon Dioxide) 70 – 75 เปอร์เซ็นต์
– อะลูมิเนียมออกไซด์ (Aluminum Oxide)
– โซเดียมออกไซด์ (Sodium Oxide)
– โพแทสเซียมออกไซด์ (Potassium Oxide)
– ไอเอิร์นออกไซด์ (Iron oxide)
– แมกนีเซียมออกไซด์ (Magnesium Oxide)
– แคลเซียมออกไซด์ (Calcium Oxide)
– น้ำ 3-5 เปอร์เซ็นต์

 

เพอร์ไลต์เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งซึ่งไม่ใช่พลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ มักพบในเหมืองแร่ ซึ่งส่วนมากจะพบในประเทศกรีซ สหรัฐอเมริกา ตุรกี และญี่ปุ่น เนื่องจากเพอร์ไลต์เป็นแร่ธาตุที่มีราคาถูกจึงมักใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ปูนปลาสเตอร์ การก่ออิฐ การทำฝ้าเพดาน หรือการทำกระเบื้อง นอกจากนั้นคุณสมบัติของเพอร์ไลต์ยังเหมาะแก่การนำไปใช้ในการปลูกพืชอีกด้วย แต่ก่อนที่จะนำมาใช้เป็นวัสดุปลูกพืชนั้น เพอร์ไลต์จะต้องมีกระบวนการในการแปรสภาพให้มีน้ำหนักเบา และเป็นสีขาว เพื่อนำมาใช้ในการปลูกพืช

 

การใช้เพอร์ไลต์ในการปลูกพืช

  1. ใช้ดินผสมกับเพอร์ไลต์หรือพีตมอสในสัดส่วนที่เท่ากัน จะทำให้ดินโปร่ง ระบายน้ำได้ดีและมีอากาศถ่ายเทในดิน
  2.  เพอร์ไลต์สามารถใช้ในการโรยหน้าดินได้ ช่วยในการระบายของน้ำ
  3. หากต้องการปักชำพืชหรือให้พืชรากเดิน โดยปกติแล้วเราสามารถแช่น้ำได้ แต่หากใช้เพอร์ไลต์ในการปักชำและใส่ไว้ในถุงโปร่งจะยิ่งทำให้รากมีการเจริญเติบโตไวยิ่งขึ้น

บทความน่าสนใจ